เสียงประกอบในการผลิตรายการวิทยุกระจายเสียง (Sound effect)
แหล่งของเสียงประกอบส่วนใหญ่ คือ แผ่นเสียง เทป และแผ่นซีดี ที่ผลิตจากต่างประเทศและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย นอกจากจะเป็นเสียงประกอบสำเร็จรูปแล้ว อาจจะมาจากเสียงในภาพยนตร์ (Sound Track) การใช้เสียงประกอบจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการจัดทำบทรายการเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงทำการคัดเลือกจากแผ่นสำเร็จรูปที่มีอยู่ หรือบางกรณีเสียงประกอบบางอย่างไม่มี หรือไม่เหมาะสมกับรายการ หรือไม่สมจริงตามวัฒนธรรมไทย ผู้ผลิตรายการสามารถผลิตและกำกับเสียงประกอบในรายการขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งการผลิตเสียงประกอบทำได้ 2 ลักษณะคือ
1. การผลิตเสียงประกอบนอกห้องบันทึกเสียง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะที่สำคัญ คือ
a. การบันทึกจากเหตุการณ์จริงๆ โดยไม่มีการควบคุม หรือกำกับ เช่น เสียงการจราจร เสียงในตลาดสด เสียงการจลาจล เสียงเชียร์ในสนามฟุตบอล ไม่ควรนั่งใกล้หรือร่วมกับคนดูคนอื่นๆ ควรใช้ไมค์ที่มีการรับเสียงในมุมกว้าง หรือนั่งไกล เพื่อให้ได้ยินเสียงมุมกว้างทั้งหมด การบันทึกเสียงประกอบลักษณะนี้ต้องเลือกไมโครโฟนให้เหมาะสม เพราะจะทำให้ได้เสียงที่เฉพาะจุดเกินไปไม่สมจริงได้
b.การบันทึกจากเหตุการณ์จริงโดยอาศัยเครื่องบันทึกเทปกระเป๋าหิ้ว (Portable recorder) เช่น เสียงไก่ หมู เป็ดในฟาร์ม ต้องมีการควบคุมกำกับไม่ให้มีเสียงอื่นเข้ามาแทรก
2.การผลิตเสียงประกอบในห้องบันทึกเสียง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
a. การผลิตเสียงประกอบเตรียมไว้ก่อน เพื่อป้องกันการบันทึกเสียงประกอบซ้ำแล้วซ้ำอีก และสามารถตรวจสอบเสียงประกอบสำหรับการแก้ไขได้ การเตรียมเสียงประกอบไว้ก่อนจะอาศัยคนแสดง จำนวนหนึ่งไม่เกิน 4 – 5 คน และอุปกรณ์ประกอบ Mr. Frank Robert Brookes อดีตผู้ผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงของสถานีวิทยุ
เทคนิคการจัดรายการเพลงทางวิทยุกระจายเสียง
การวิจัยเรื่อง “เทคนิคการจัดรายการเพลงทางวิทยุกระจายเสียง” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมุ่งศึกษาเทคนิคการจัดรายการเพลง เปรียบเทียบเทคนิคการจัดรายการเพลง และเพื่อวิเคราะห์เทคนิคการจัดรายการเพลงแต่ละรูปแบบทางวิทยุกระจายเสียง โดยใช้การบันทึกเทปรายการและการสัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการบันทึกเทปรายการเพลงประเภทยอดนิยมร่วมสมัยและรายการเพลงร่วมสมัยจำนวน 6 คลื่นความถี่ ในเวลา 8.00-9.00 น. 13.00-14.00 น. และ 21.00-22.00 น. เป็นระยะเวลา 1 เดือน และเก็บรวบรวมโดยการสัมภาษณ์ผู้ดำเนินรายการเพลงจำนวน 9 คน ผลการวิจัยพบว่า 1. เทคนิคการจัดรายการเพลงประเภทรายการเพลงร่วมสมัยและรายการเพลงยอดนิยมร่วมสมัย การพูดเปิดรายการไม่มีรูปแบบที่แน่นอน แต่ดีเจจะพูดเปิดรายการด้วยความหลากหลายไม่ซ้ำกัน พูดเปิดรายการด้วยทัศนคติที่ดี รวมทั้งพูดเปิดรายการด้วยความสุภาพและสดใส การพูดเข้าเพลงจะพูดเข้าเพลงด้วยความหลากหลายที่มาจากข้อมูลเนื้อหาของเพลง จากเนื้อหาสาระข่าวสาร และจากน้ำเสียงของดีเจ ไม่พูดทับเนื้อร้อง และไม่พูดข้อมูลทั้งหมดในครั้งเดียว การเปิดสายสนทนาหรือเล่นเกมส์กับผู้ฟังจะมีการทักทายกับผู้ฟังเป็นคำถามสั้นๆ ก่อน เล่นเกมส์หรือสนทนากับผู้ฟังด้วยความเป็นกันเอง ควบคุมเวลาให้สั้นกระชับเข้าประเด็นเร็วที่สุด รู้จักการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะสนทนาหรือเล่นเกมส์ ให้เกียรติคนฟัง รวมทั้งพูดภาษาเดียวกับผู้ฟัง การพูดเนื้อหาสาระในรายการดีเจจะนำเนื้อหาสาระที่มีความน่าสนใจ ทันสมัยและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมานำเสนอโดยพูดเป็นภาษาของตัวเองด้วยความกระชับ ในลักษณะเหมือนสนทนากับผู้ฟัง และบอกที่มาของเนื้อหาสาระด้วย การพูดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเพลง ดีเจจะนำเนื้อหาเกี่ยวกับเพลงและข้อมูลของศิลปินทั้งที่เกี่ยวกับเพลงและที่ไม่เกี่ยวกับเพลงมาพูดเป็นเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเพลงที่เปิดจบแล้วหรือกำลังจะเปิดต่อไป โดยพูดข้อมูลทีละประเด็นในแต่ละครั้ง ไม่ควรพูดข้อมูลทั้งหมดในคราวเดียวกัน การพูดลารายการ ดีเจจะพูดลารายการอย่างสั้นกระชับได้ใจความและพูดลารายการอย่างอารมณ์ดี 2. ผลการศึกษาเปรียบเทียบเทคนิคการจัดรายการเพลงประเภทรายการเพลงยอดนิยมร่วมสมัย (Contemporary Hit Radio,CHR) กับรายการเพลงร่วมสมัย(Adult Contemporary Radio, AC)พบว่า เนื้อหาที่นำมาพูดเปิดรายการ พูดเข้าเพลง เปิดสายสนทนาหรือเล่นเกมส์กับผู้ฟัง พูดเนื้อหาสาระในรายการการ พูดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเพลง และพูดลารายการ ผู้ดำเนินรายการจะนำเนื้อหาที่คล้ายคลึงกันมาพูดคือเรื่องที่มีความน่าสนใจ แต่จะแตกต่างกันที่ลักษณะการนำเสนอของดีเจคือรายการเพลงประเภทเพลงยอดนิยมร่วมสมัยจะพูดในลักษณะที่คล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ร่าเริง สนุกสนาน ครื้นเครง ในขณะที่รายการเพลงร่วมสมัยจะพูดในลักษณะอบอุ่น นุ่มนวล 3. ผลการวิเคราะห์เทคนิคการจัดรายการเพลง พบว่า เนื้อหาสาระที่นำมาพูดหรือนำมาเสนอในรายการ ดีเจสามารถนำเนื้อหาเกี่ยวกับรายการ เนื้อหาทั่วๆ ไป เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเพลงและศิลปิน โดยเนื้อหาเหล่านี้ต้องน่าสนใจ เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายของรายการ สิ่งเหล่านี้ดีเจนำมาพูดในรายการได้ในลักษณะที่เป็นภาษาหรือสไตล์ของตัวเองด้วยความกระชับ วิธีการนำเสนอดีเจควรพูดหรือนำเสนอด้วยความหลากหลาย ไม่ซ้ำกัน ข้อมูลต่างๆ ที่ดีเจมีไม่ควรจะพูดทั้งหมดในคราวเดียวกัน ดีเจต้องไม่พูดทับเพลง กรณีรับสายหน้าไมค์ดีเจควรต้องทักทายกับผู้ฟังก่อนเพื่อคลายความตื่นเต้น แล้วค่อยเข้าประเด็นที่จะสนทนาหรือเล่นเกมส์ให้เร็วที่สุด กรณีเล่นเกมส์หากคนฟังตอบไม่ได้ ดีเจสามารถช่วยโดยการบอกใบ้คำตอบ และดีเจควรต้องตัดสายอย่างนุ่มนวลเป็นไปด้วยความสุภาพเมื่อมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลามากเกินไปจากที่กำหนด ลักษณะการพูด ดีเจควรพูดหรือดำเนินรายการโดยให้สอดคล้องกับรูปแบบของรายการ พูดในลักษณะที่เป็นกันเองกับผู้ฟัง พูดเป็นภาษาของตัวเอง พูดในลักษณะสั้นกระชับ พูดด้วยความสุภาพสดใส พูดโดยให้เกียรติคนฟัง และพูดภาษาเดียวกับผู้ฟัง ความคิดหรือทัศนคติ ดีเจควรต้องมีมุมมองหรือทัศนคติที่ดี เพื่อจะได้นำเสนอเนื้อหาหรือเรื่องราวต่างๆ ในแง่มุมที่ดีให้แก่คนฟัง การแก้ปัญหา เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นในขณะดำเนินรายการ ดีเจควรต้องแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที เช่นกรณีรับสายหน้าไมค์ คนฟังพูดมากเกินไป พูดน้อยเกินไป พูดไม่ตรงประเด็น ดีเจจะต้องตัดสายด้วยความสุภาพ รวมถึงการแก้ปัญหาอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในขณะจัดรายการ
กระบวนการผลิตรายการ ประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ โดยสามารถสรุป แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน
1. ขั้นเตรียมการหรือขั้นก่อนการผลิต (Preparation or Pre-production)2. ขั้นออกอากาศหรือขั้นการผลิตรายการ (On air or Production)
3. ขั้นหลังการผลิตรายการ (Post-production)
การวางแผนการผลิตรายการ การดำเนินงาน จะมีลักษณะเป็นรูปแบบรายการใดรูปแบบรายการหนึ่งชัดเจน เช่น รูปแบบรายการเพลง รูปแบบรายการข่าว ผู้ผลิตรายการหรือผู้ควบคุมการผลิตจะรับผิดชอบรายการในช่วงเวลาหรือประเภทรายการ ดังนั้น สิ่งที่ควรทราบก่อนในเบื้องต้นเพื่อวางแผนการผลิตรายการ คือ 1. วัตถุประสงค์และนโยบายของสถานีและบริษัทผู้ผลิตรายการ 2. ผู้ฟังเป้าหมาย 3. สถานี เวลาออกอากาศ ความยาวรายการ 4. ทรัพยากรที่มีอยู่ของสถานีหรือบริษัท ได้แก่ บุคลากร งบประมาณ อุปกรณ์ ระยะเวลา 5. ศึกษาตัวอย่างที่ดี เพื่อนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับรายการ หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความซ้ำซากจำเจ 6. วางแผนการผลิตรายการ 6.1 กำหนดวัตถุประสงค์รายการ เพื่อให้การผลิตรายการเป็นที่ต้องการว่าจะมุ่งนำเสนออะไรแก่ผู้ฟัง 6.2 กำหนดโครงร่างของรายการ ได้แก่ เนื้อหา ประเด็นของเนื้อหา รูปแบบรายการ แขกรับเชิญ/วิทยากร 6.3 เขียนบท ผู้เขียนบทจะนำแนวคิดและประเด็นคร่าว ๆ หรือโครงร่างของรายการที่ได้รับจากผู้ผลิตรายการ ไปสร้างจินตนาการและเรียบเรียงออกมาเป็นข้อความ (คำพูด) เสียงเพลง เสียงประกอบ ต่าง ๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้เขียนบท โดยการศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ - แหล่งข้อมูลบุคคล เช่น นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ - แหล่งข้อมูลเอกสารและสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ เทปเสียง อินเทอร์เน็ต - แหล่งข้อมูลที่เป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ เช่น สถานที่เกิดเหตุ สถานที่ในท้องเรื่อง
ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานี้จะนำมาวางโครงร่างของบทว่า ในรายการมีเรื่องหรือประเด็นอะไร ลำดับเนื้อหาอย่างไร มีวิธีการนำเสนออย่างไร แต่ละช่วงรายการมีความยาวเท่าไร จากนั้นจึงเขียนบท 6.4 การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์รายการ เมื่อได้บท ข้อมูล ประเด็นคำถามหรืออื่น ๆ พร้อมแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาอีกว่า ต้องใช้วัสดุรายการอะไร ควรเตรียมให้พร้อมก่อนการผลิตรายการ ดนตรี เสียงประกอบ เทปเสียงที่ต้องการใช้ ไมโครโฟนที่เหมาะสมกับงาน การสำรองวัสดุที่ใช้ในการบันทึกเสียงและการตัดต่อเทป การเตรียมเทปแทรก (Insert Tape) ในรายการสารคดี นิตยสารทางอากาศ สัมภาษณ์ มักใช้การบันทึกเสียงนอกสถานที่มาประกอบในรายการ เทปเหล่านี้ถ้ามีความยาวมากไปหรือไม่สมบูรณ์จะต้องนำมาตัดต่อให้ได้เนื้อหาที่ต้องการ ภายในเวลาที่กำหนด การเตรียมเทปแทรกควรบันทึกลงในเทปเสียง แยกเป็นแต่ละส่วนไว้ เพื่อใช้งานได้สะดวก โดยเขียนบอกรายละเอียดไว้ในบทด้วยว่า เทปนี้เป็นเรื่องอะไร เสียงของใคร ขึ้นต้นด้วยข้อความ/คำพูดอะไร ลงท้ายด้วยข้อความ/คำพูดอะไร 6.5 การประสานงานบุคลากร โดยเฉพาะกับแขกรับเชิญหรือวิทยากร ต้องติดต่อล่วงหน้า นัดหมายเวลา สถานที่ที่จะบันทึกเสียง กรณีรายการสด หากแขกรับเชิญหรือผู้ร่วมรายการไม่สามารถมาออกอากาศได้จะต้องทำเทปล่วงหน้าหรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนผู้ร่วมรายการ หรือต้องเปลี่ยนประเด็นที่จะเสนอหรือไม่ 6.6 จองห้องบันทึกเสียง กรณีเป็นรายการเทป 7. ขั้นการซักซ้อม (Rehearsal) การซ้อมเป็นสิ่งจำเป็นในการผลิตรายการ โดยเฉพาะผู้ดำเนินรายการ ผู้อ่านข่าว ผู้แสดงละครวิทยุ ต้องซ้อมการอ่านบท เพื่อทำความเข้าใจในเนื้อหา ประเด็นคำถาม เรื่องราว อารมณ์ของบท ไม่ว่ารายการประเภทใดหากได้ซ้อมก่อนย่อมสร้างความมั่นใจในการทำงานทั้งสิ้น
วัตถุประสงค์การซ้อม 1. เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการพูด ไม่ประหม่า ตื่นกลัว 2. เกิดความราบรื่น ไม่ผิดพลาดบ่อย ๆ ทำให้เกิดความน่าฟัง ไม่เสียอารมณ์ 3. เป็นการตรวจสอบการอ่าน ได้แก่ คำยาก คำเฉพาะ การแบ่งวรรคตอน 4. ทำให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหา เรื่องราวและอารมณ์ของบทหรือตัวละคร โดยใช้ลีลา น้ำเสียงจังหวะวรรคตอน ทำให้ผู้ฟังสามารถจินตนาการได้ถูกต้องตาม
ส่วนประกอบของบทวิทยุกระจายเสียง
1. ส่วนหัว (Heading) จะบอกชื่อรายการ ชื่อเรื่อง/ตอน สถานีที่ออกอากาศ/ความถี่ วัน-เวลาที่ออกอากาศ 2. ส่วนเนื้อหา (Body) เป็นรายละเอียดของเนื้อหา เรื่องราว ตามลำดับ เป็นส่วนที่บอกถึง ผู้เกี่ยวข้องในรายการว่าจะต้องทำอะไร 3. ส่วนปิดท้าย (Closing or Conclusion) เป็นส่วนสรุปเนื้อหา กล่าวขอบคุณผู้ร่วมรายการดังจะได้นำเสนอให้เห็นภาพรวมในตารางข้างล่างนี้ซึ่งทั้งสามส่วนจะต้องพิจารณาดูว่าเป็นรายการประเภทใด ใช้รูปแบบการนำเสนอแบบใด(ส่วนหัว) ชื่อรายการ ชื่อเรื่อง/ตอน สถานีที่ออกอากาศ/ความถี่ วัน-เวลาที่ออกอากาศลำดับเสียงบรรยายรูปแบบนาที1INTRO…….Titleผู้ดำเนินรายการ/ทักทาย/เกริ่นจิ้งเกิ้ล/เพลง/นำรายการ/สนทนา
2CONTENT(ส่วนเนื้อหา)ผู้ดำเนินรายการเข้าสู่สาระ สัมภาษณ์/พูดคุย/เพลง3CONCLUSION (สรุป)สรุปสาระทั้งหมด/ลารายการ
ขั้นตอนการเขียนบทรายการ 1. ขั้นเริ่มรายการ (Introduction) เป็นขั้นเรียกร้องความสนใจ ใช้เทคนิคการตั้งคำถาม ใช้เสียงประกอบ 2. ขั้นจัดรูปและตกแต่งรายการ (Development) นำเอาแก่นของเรื่องมาขยายแล้วจัดให้เป็นรูปแบบรายการที่น่าสนใจ ใช้เทคนิคต่าง ๆ ให้เหมาะสม ขั้นนี้มีความสำคัญที่จะทำให้รายการมีรสชาติ สมอารมณ์ 3. ขั้นสร้างจุดประทับใจหรือจุดสุดยอด (Climax) เป็นขั้นที่จะสร้างจุดประทับใจให้กับผู้ฟังในจุดที่เรียกว่าจุดวกกลับ (turn)นำแก่นของเรื่องปูพื้น แล้วหักมุมสรุป คลายปมปัญหาของเรื่อง 4. ขั้นสรุป (Conclusion) เป็นการนำขั้นตอนทั้ง 3 ขั้นมาตอกย้ำ สรุปโดยเรียบเรียงอย่างมีระเบียบให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย ดังจะได้แสดงให้เห็นสัดส่วนของรายการ ยกตัวอย่างรายการ 30 นาที5 นาที5 นาที15 นาที5 นาที
ขั้นที่ 1 แนะนำรายการขั้นที่ 2 จัดรูปและตกแต่งรายการขั้นที่ 3 เสนอประเด็นต่าง ๆ สร้างจุดประทับใจขั้นที่ 4 ขั้นสรุปท้ายเทคนิคในการเขียนบท มี 5 ประการ 1. ทำไม (why) ทำไมจึงต้องเขียนบท เพื่อวัตถุประสงค์อะไร 2. ใคร (who) คือกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายของรายการวิทยุคือใคร 3. อะไร (what) อะไร คือแก่นของรายการ 4. เมื่อใด(when) วันเวลา 5. ที่ไหน (where) สถานที่ออกอากาศ 6. อย่างไร (how) รูปแบบรายการเป็นอย่างไร ใช้วัสดุประกอบรายการอะไรบ้าง
ถามผู้เขียนครับ คุณมีความคิดเห็น(ส่วนตัว)อย่างไรกับ DJ หรือผู้จัดรายการทางวิทยุ หรือผู้จัดประเภทอื่น เช่น VJ ในลักษณะที่สื่อต่อผู้ชม หรือผู้ฟัง เน้นโดยเฉพาะรายการเพลง
ตอบลบผมจะเข้ามาติดตามความคิดเห็นบ่อยๆ ขอให้นำเสนอในหลายๆแง่มุม และหลายๆด้าน โดยเฉพาะในด้านที่เป็นความคิดเห็นของเรา และจากประสบการณ์จริงที่ได้สัมผัส หรือ ได้เข้าร่วม ยากไปไม๊ครับ